หน้าแรก > รีวิว Gadget > ไอ้เป็ด เทร็ดจิดี้ (iPed Tregedy)

ไอ้เป็ด เทร็ดจิดี้ (iPed Tregedy)

เป็นธรรมดาของจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อะไรเจ๋งๆ ทำออกมาขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ก็มักจะไม่พ้นที่พี่จีนจะต้องทำเลียนแบบออกมากันครับ ไม่เว้นแม้แต่ iPad ของ Apple เช่นกัน แถมโดนทำเลียนแบบออกมาหลากหลายรุ่นมากทีเดียว มีทั้งจอ 7” และ 8” แถมยังมีรุ่น 3G ซะอีกด้วย … ที่สำคัญ หลายรุ่นยังตั้งชื่อเลียนแบบด้วย เรียกว่า iPed ครับ หลายๆ คนเรียกเป็นชื่อไทยเล่นๆ ว่า ไอเป็ด หรือ ไอ้เป็ด ครับ

และด้วยความเอื้อเฟื้อของ @ChachrisTH และ @Nivesn ผมเลยได้มีโอกาสลองเล่นเจ้า iPed นี่ด้วยครับ … จะเจ๋งแค่ไหน หรือจะห่วยขนาดไหน ลองอ่านรีวิวดุเดือดเลือดสาดของผมตอนนี้ได้เลย (จริงๆ ดูจากชื่อเรื่องคราวนี้ก็น่าจะพอเดาได้เนาะ)

IMG_0104

ได้กล่องมาตอนแรกเลยแล้วก็อึ้งนิดๆ เพราะว่ามันช่างเหมือนกับกล่องของ iPad จริงๆ ทีเดียว ดูรูปข้างบนได้ แต่อย่าให้รูปหลอกตานะครับ ที่เห็นน่ะ มันรูป iPad จริงๆ แต่ตัว iPed ที่ผมได้มารีวิวนี่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ครับ สนนราคาของมัน ดูจากใบเสร็จแล้วอยู่ที่ 500 หยวน คิดเป็นเงินไทยก็ราๆ 2,400 บาทเท่านั้นเอง บ๊ะเจ้า!!!

สเป็คคร่าวๆ ของ iPed ก็ประมาณนี้ครับ (เป็นการสรุปข้อมูลที่น่าจะเป็นไปได้นะครับ เพราะไม่มีการระบุสเป็คที่ชัดเจนในคู่มือแต่อย่างใด)

  • CPU น่าจะเป็นชิปของ VIA ความเร็วน่าจะอยู่ที่ 500MHz – 600MHz ครับ
  • RAM 256MB
  • Internal Storage อ้างอิงตามคู่มือคือ 1GB
  • หน้าจอความละเอียด 800 x480 พิกเซล เป็นทัชสกรีนแบบ Capacitive ขนาด 7” แบบ Widescreen
  • ลำโพง และ ไมโครโฟน ในตัว พร้อมช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
  • WiFi 802.11b/g และ Ethernet 10/100Mbps (พอร์ต RJ45)
  • รองรับหน่วยความจำเพิ่มเติมแบบ MicroSD สูงสุด 32GB (อ้างอิงตามคู่มือ)
  • มีพอร์ตสำหรับต่ออุปกรณ์เสริม สำหรับ USB 2 ช่อง (ตัวอุปกรณ์เสริมนี่เรียกว่า U-Disk เห็นว่าสามารถใช้เป็น External Storage ได้อีกด้วย)
  • มี G-Sensor (หรือก็คือ Accelerometer นั่นแหละ)
  • ระบบปฏิบัติการ Android 1.6

ความรู้สึกแรกสัมผัส

IMG_0138

แรกสัมผัสตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดเครื่องเลย ต้องบอกว่า เล็กกว่าที่คิด เพราะเป็นหน้าจอขนาด 7” แบบ Widescreen (อัตราส่วน 16:9) ซึ่งต่างจากหน้าจอขนาด 9.7” แบบปกติ (อัตราส่วน 4:3) ของ iPad มาก (ดูจากภาพเปรียบเทียบด้านบนได้)  … ความคาดหวังแรกของผมเลยก็คือ มันช่างเหมาะกับการเอาไว้ดูหนังเสียนี่กระไร … ตัวเครื่องพยายามจงใจให้บังเอิญเหมือน iPad มาก ขนาดด้านหลังของตัวเครื่องก็ยังเป็นสีบรอนซ์เงินเลย แต่มันทำมาจากพลาสติกทั้งดุ้นครับ

IMG_0115 แต่อย่างแรกที่โดนหลอกตาเห็นๆ ก็คือ User Interface ที่ไม่ตรงกับหน้ากล่องแล้ว เหอๆ

บนตัวเครื่องมีปุ่มอยู่ด้วยกัน 4 ปุ่ม คือ ปุ่มเปิดปิดหน้าจอ (และเป็นปุ่มเปิดปิดเครื่องในเวลาเดียวกัน), ปุ่ม Menu สำหรับเรียก context menu ขึ้นมา, ปุ่มเพิ่มลดระดับความดังของเสียง และ ปุ่ม Home สำหรับกลับไปยังหน้าจอหลัก เรียกได้ว่ามีความพยายามอย่างแรงกล้าที่จะจัดให้มีปุ่มใกล้เคียงกับของ iPad อย่างที่สุดเลยทีเดียว

ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องมีลำโพง 2 ช่อง เข้าใจว่าน่าจะเป็น Stereo และมีช่องสำหรับเสียบสายชาร์จ, ช่องสำหรับเสียงหูฟังขนาด 3.5 มม., ช่องสำหรับต่ออุปกรณ์เสริม (U-Disk) และ ช่องใส่ MicroSD

สำหรับอุปกรณ์อื่นๆ ที่มีมาให้พร้อมในกล่องนั้นก็มี ตัวอุปกรณ์เสริม U-Disk และ ชาร์จเจอร์สำหรับชาร์จไฟนั่นเอง ซึ่งดูแล้ว งานออกมาได้แบบว่า … จีนได้ใจ เหอๆ

และบังเอิญว่าในวันแรกที่ผมได้เจ้า iPed นี่มานั้น แบตเตอรี่มันอ่อนมาก ผมสังเกตเห็นว่าผมไม่สามารถเปิดใช้งานได้เลย เพราะมันจะคอย reboot ตัวเองตลอดเวลา เข้าใจว่าเป็นเพราะแบตมันอ่อนมากเกินไป เลยทำให้อุปกรณ์พยายามตัดการทำงาน … แต่ก็แอบเอะใจอยู่นิดๆ ว่า ทำไมมันไม่ปิดตัวเองไป ทำไมมันแค่ reboot

IMG_0107

งานประณีตตามสไตล์จีน

ขอบอกก่อนว่า ตั้งหัวข้อแบบนี้เพื่อประชดนะครับ ไม่ได้หมายความว่างานที่ทำออกมาประณีตแต่อย่างใด … จริงๆ แล้ว ตัวเครื่อง iPed นี่ทำออกมาค่อนข้างเนียนครับ แต่ไอ้เจ้า U-Disk กับชาร์จเจอร์ของมันนี่สิ ดูกะหลั่วๆ ชอบกลจนผมอดไม่ได้ที่จะต้องทวีตไปตอนแรกที่ได้เห็นว่า … “สมกับเป็นงานประเทศจีนจริงๆ” เลยทีเดียว

เนื่องจากแบตเตอรี่ยังไม่เต็ม และมีอาการ reboot เครื่องเองตลอดเวลา เลยทำให้ผมตัดสินใจชาร์จแบตเตอรี่เสียก่อน ค่อยมาทดลองเล่นกัน ทำให้ผมต้องพบกับข้อบกพร่องแรกของ iPed ในทันที นั่นคือ หัวชาร์จนั้นจะคลายตัวหลุดออกมาจากตัวเครื่องได้เองโดยไม่สนใจว่าเราจะพยายามเสียบหัวชาร์จเข้ากับตัวเครื่องแน่นแค่ไหน มันก็หลุดออกได้หมด… ซะงั้นอ่ะ

สุดท้าย ภูมิปัญญาชาวบ้านครับ ใช้วิธีชาร์จแบบตั้งกับพื้น เพื่อให้แรงโน้มถ่วงที่กระทำต่อตัวเครื่องมันช่วยดันไม่ให้หัวชาร์จหลุดออกมา นั่นแหละ ถึงได้สามารถชาร์จแบตจนเต็มได้

ความประทับใจที่มีต่อเจ้า iPed

ขอเล่าถึงความประทับใจที่มีต่อเจ้า iPed นี่หน่อย …

  • มันถูกเรียกไว้ข้างกล่องว่า MID (Mobile Internet Device) ดังนั้นเลยมาพร้อมกับความสามารถในการเชื่อมต่อผ่านทั้ง WiFi 802.11b/g และ 10/100Mbps Ethernet เลยทีเดียว เรียกได้ว่า จะมีสายหรือไร้สายก็พร้อมต่อเสมอ
  • หน้าจอ 7” เป็นแบบ Widescreen เรียกว่าพร้อมสำหรับการรับชมภาพยนตร์กันเลยทีเดียว
  • เหลือบไปเห็นว่ามีทั้ง Android Market และ App Store ของมันเอง … อ๊ะ มีแหล่งให้ค้นหา App นอกเหนือจาก Android Market ด้วย
  • น้ำหนักเบาพอสมควร … ก็แหงล่ะ เพราะมันเป็นพลาสติดทั้งเครื่องนี่นา แถมเล็กอีกต่างหาก
  • มี G-Sensor ทำให้เวลาตะแคงหน้าจอ มันก็จะปรับหน้าตะแคงให้อัตโนมัติ … ในราคา 2,400 บาทเนี่ยนะ
IMG_0122 IMG_0123
  • มีกล้องด้านหน้าความละเอียด 3 แสนพิกเซล (640×480) ให้ด้วย ดังนั้นหากติดตั้ง App ที่ชื่อว่า Fring แล้ว ก็จะสามารถทำ Video Call ได้

รีวิวการใช้งาน iPed

อย่าว่าแต่ตัวท่านผู้อ่านเองอยากรู้ว่า iPed ใช้ได้ดีแค่ไหนเลยครับ ตัวผมเองก็คาดหวังเอาไว้อย่างแรงกับเจ้านี่เหมือนกัน เพราะราคามันแค่ 2,400 บาท ต่อให้มีคนหิ้วเอาเข้ามาขาย อย่างเก่งก็ไม่น่าเกิน 4,000 บาท (นี่ถือว่าโก่งราคากันสุดๆ แล้วนะ … อย่าลืม นี่ไม่ใช่ iPhone 4 ที่ราคาในไทยตอนที่ยังไม่เข้ามาอย่างเป็นทางการพุ่งไปถึงครึ่งแสน)  เป็นราคาที่น่าสนใจมาก หากมันใช้งานได้ดี

แต่แล้ว ผมก็ต้องพบว่า…

  • Battery life นี่อุบาทว์มาก ชาร์จเต็มที่แล้วนะ ยังใช้เต็มๆ ได้แค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง ผมทดสอบทั้งหมด 3 ครั้ง ผลก็คือ อยู่ได้ราวๆ 1 ชั่วโมงทั้งสามครั้ง (สิ่งที่ผมทำก็คือ แค่ต่อ WiFi แล้วเปิดดู YouTube อย่างเดียว)
  • ดูไฟล์ YouTube กระตุกอย่างแรง ตอนแรกนึกว่าเป็นเพราะ WiFi ที่ออฟฟิศกระตุก แต่เอาเข้าจริงๆ มาลองที่บ้านก็ไม่รุ่ง … ตอนแรกก็คิดหาเหตุผลว่า อาจเพราะเน็ตที่บ้านช้า แต่พอเปิดดูวิดีโอ YouTube เดียวกันด้วย iPad กลับพบว่าไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
  • ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมไม่สามารถที่จะดาวน์โหลด App ใดๆ มาจาก Android Market ได้เลย ทั้งๆ ที่ต่อ WiFi แล้ว การเปิดเว็บต่างๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่เวลาเลือกดาวน์โหลด App มา มันจะค้างอยู่ที่ Downloading … ผ่านไป 2 วันก็ยังโหลดไม่ได้เหมือนเดิม
  • iPed ไม่มีภาษาไทย ไม่สามารถแสดงผลภาษาไทยได้ และที่สำคัญ มีคนเตือนผมเรื่อง iPed รุ่นดักควายว่า อย่าเผลอไผลไป Flash ROM เล่น ระวังมันจะกลายเป็นที่ทับกระดาษ ผมก็เลยอดเล่นโน่นเล่นนี่เป็นภาษาไทยเลย
  • ไม่มี Flash built-in เลยไม่สามารถเปิดเว็บที่ใช้ Flash ได้ … ก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะต้องรอ Android 2.2 ถึงจะมีการสนับสนุนจริงๆ ไม่อย่างนั้นก็ต้องคาดหวังให้ผู้ผลิตเขาใส่ Flash Lite ลงไปเอง
  • G-Sensor ทำงานได้ดี ตะแคงเครื่องปุ๊บ หน้าจอก็เตรียมที่จะตะแคงตาม แต่ด้วย CPU ที่ไม่แรง แถมเหมือนจะไม่มีชิปช่วยประมวลผลกราฟิกด้วย ก็เลยทำให้การตะแคงหน้าจอแต่ละที กินเวลาประมาณ 15-20 วินาที … แต่ก็นะ 2,400 บาท จะเอาอะไรมาก
  • เข้าใจว่ากล้องดิจิตอลด้านหน้ามันแค่ 3 แสนพิกเซล แต่ภาพที่ถ่ายได้นี่ คุณภาพมันห่วยแตกจริงๆ ครับ ทั้งนี้เพราะมันไม่มีคุณสมบัติ Auto Focus ด้วยแหละ (ดูรูปถ่ายจริงๆ ได้ด้านล่างนี่)

2010-07-13 21.20.46

  • ดูเหมือนว่าจะไม่มี GPS เพราะว่าลองเล่น Google Map แล้ว มันไม่สามารถแสดงที่อยู่ปัจจุบันของผมได้ ก็เลยเดาเอาว่า ไม่น่าจะมี GPS ครับ

และสุดท้าย สำคัญที่สุดคือ พอเล่นไปได้ 3 วัน จากนั้นไม่รู้เกิดอะไรขึ้น เจ้า iPed นี่มันก็พยายาม Reboot ตัวเองตลอดเวลาเลยทีเดียว เล่นเอาผมไม่สามารถที่จะรีวิวอะไรต่อไปได้อีก … คือมัน Reboot ตัวเองทุกรอบที่เปิดเครื่องขึ้นมาภายในเวลา 1 นาที อย่าว่าแต่รีวิวเลยครับ จะไป Reset to Factory Settings หรือจะปิดเครื่องก็ยังทำไม่ได้เลย ต้องรอมัน Reboot ตัวเองไปหลายสิบรอบมาก กว่าจะสบโอกาสให้ปิดเครื่องได้

จริงๆ แล้วผมเตรียมหัวข้อเตรียมไว้สำหรับการรีวิวเยอะแยะไปหมด แต่เนื่องจากว่า 3 วันที่ผ่านมานี้ ผมไม่สามารถเปิดใช้งานเจ้า iPed นี่ได้เลย เพราะมันเอาแต่ Reboot ตัวเองตลอดเวลา จึงทำให้ผมต้องตัดจบการรีวิวเอาไว้แต่เพียงเท่านี้ ต้องขออภัยจริงๆ ครับ

บทส่งท้าย

และด้วยความที่ผมไม่สามารถรีวิวอะไรได้เลย ก็เลยทำให้รีวิวงวดนี้สั้นอย่างน่าประหลาด แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมสามารถสรุปให้ท่านผู้อ่านได้ทันทีว่า จาก Battery Life แค่ 1 ชั่วโมง แถมการชาร์จก็ยังยุ่งยากลำบาก เพราะงานโคตรประณีตแบบจีนขนาดนี้ บอกได้เลยว่าเป็นเหตุผลที่พอเพียงแล้วกับการตัดสินใจว่า “ไม่ซื้อ” ชัวร์ และยิ่งประกอบกับปัญหาในช่วงหลังๆ ที่ผมเจอว่ามันพยายาม Reboot ตัวเอง จนทำให้ไม่สามารถใช้งานได้เลย ยิ่งทำให้มั่นใจได้อย่างดีว่า “อย่าซื้อเหอะ”

ไม่ใช่แค่ว่าซื้อมาแล้วจะหงุดหงิดนะครับ … ขนาดผมแค่รีวิวแล้วเจอปัญหานี้ในช่วง 3 วันหลังสุดนี่ ยังโคตรหงุดหงิดเลยครับ (ฮา) แต่ก็อีกนั่นแหละครับ You get for what you pay หรือ คุณภาพที่ได้ก็ตามราคาที่จ่ายไปนั่นแหละครับ

ผมถึงได้ตั้งชื่อตอนนี้ว่า ไอ้เป็ด เทร็ดจิดี้ หรือ iPed Tregedy ที่แปลว่า โศกนาฏกรรมไอ้เป็ด นั่นเอง

** อัพเดตเพิ่มเติม 28 กรกฎาคม 2553 08:00 **

ผมหาทางแก้ปัญหาเรื่อง reboot แหลกราญของ iPed ได้แล้ว ปรากฎว่ามันเกิดจากเวลาที่เปิดเครื่องมาแล้ว มันไป sync เมล์ Gmail ของผม แล้วสงสัยว่าจำนวนเมล์ัมันจะเยอะเกินไป (ราวๆ ร้อยกว่าเมล์ใหม่ทุกวัน) เลยทำให้เครื่องเหมือนจะหมด RAM (มันเกี่ยวไหมวะ) แล้วก็เลยต้อง reboot

ผมมาสังเกตเอาอีตอนที่ เครื่องมันจะค้างทุกครั้ง หลัง Notification Bar ด้านบนมันบอกว่า New Mail เลยทดลองปิด WiFi ดู เพื่อไม่ให้มัน Sync (ต้องอาศัยความไวพอสมควร เพราะว่าต้องปิดมันก่อนที่ New Mail จะขึ้น) ได้ผลแฮะ มันไม่ reboot เลย

หมวดหมู่:รีวิว Gadget ป้ายกำกับ:,
  1. กรกฎาคม 17, 2010 เวลา 14:23

    _/\_ จะได้ไม่ซื้อ

    • นายกาฝาก
      กรกฎาคม 17, 2010 เวลา 14:38

      ในเมืองไทย ณ ตอนนี้ยังไม่มีใครเอามาขายหรอกมั้งครับ นอกจากรับสั่งซื้อ เหอๆ

      • กรกฎาคม 18, 2010 เวลา 00:59

        แค่รู้ว่าไม่ support ภาษาไทย และ battery life ก็ทำให้ผมตัดสินใจไม่ซื้อแล้วเหมื่อนกันครับ…

  2. aCtDeltAS
    กรกฎาคม 18, 2010 เวลา 17:37

    พี่จีนชอบทำอะไรเลียนแบบ ชวนฮาสไตล์เสื่อมๆจริงๆ งานนี้ที่น่าเซ็งสุดคงจะเป้นแบตหมดง่ายจริงๆ!!!

    • นายกาฝาก
      กรกฎาคม 18, 2010 เวลา 21:19

      บังเอิญว่ามันมีรุ่นที่ดีกว่านี้ด้วยเหมือนกันครับ
      เช่นที่ทีมผมอีกคนเขาได้มาทดลอง ก็ถือว่าพอตัวทีเดียว แต่เจ้าตัวนี้เป็น Android 1.5

      แต่ถ้าอยากได้ของที่ดีๆ ขึ้นมาอีกหน่อย รอดูจาก Wellcom ดูเร็วๆ นี้ Android 2.1 ครับ

  3. กรกฎาคม 23, 2010 เวลา 11:32

    ของก็อปก็คือของก๊อป อ ^^’

  4. marnoet
    กรกฎาคม 28, 2010 เวลา 07:49

    พี่เค้าพยายามทำให้เหมือนที่สุดแล้วเชื่อผมดิ

    • นายกาฝาก
      กรกฎาคม 28, 2010 เวลา 07:56

      เชื่อๆ 555

  5. ตกควาย
    กันยายน 9, 2010 เวลา 12:54

    T ^ T ผมโดนมาเต็ม ๆ แล้วครับพี่น้องครับ เริ่มจาก ลูกค้าเอามาให้ดูแล้วบอกว่า ตอนอยู่ที่นู่น เขาเข้า google.co.th ได้ปกติ เป็นภาษาไทย100% เห้นกะตา แถมลองอ่าน นสพ.ไทยรัฐด้วย ก้เลยซื้อมา พอข้ามมาบ้านเราปุ๊บ 5555 กูเจิ้ล ครับพี่น้อง ลูกค้าเลยวิ่งโร่มาหาผม ผมงมกะมันอยู่หลายวัน หลักๆ คืออาการที่คุณพี่ข้างบน รีวิวมาเด๊ะ ครับ ผมตัดสินใจ แฟลชครับ หลังจากนั้น 555 เสียงไม่มี wifi ไม่ทำงาน อย่างอื่นปกติ ภาษาไทยใช้ได้ เสียบสายแลน เล่นได้ครับ ตอนนี้ ก็ยังงมอยู่ต่อไป 555 สองอาทิตย์แล้วครับพี่น้องครับ T T

    • นายกาฝาก
      กันยายน 9, 2010 เวลา 13:35

      โอว น่าเห็นใจครับ
      แต่จริงๆ น่าจะซื้อเป็น Android Tablet จากผู้ผลิตที่ดีๆ ดีกว่านะเนี่ย แพงกว่าแต่ไม่ปวดหัวแน่นอน ฮาร์ดแวร์ก็ดีกว่า -_-”

  6. nanichang
    กันยายน 14, 2010 เวลา 14:50

    ของหนูลองซื้อมาเล่นเรียบร้อยค่ะ ขอบอกว่าหลังจากที่เสียเงินเกือบ 6,000 แถมส่งกลับไปซ่อม 3 ครั้ง (ครั้งแรกหลังได้รับของ2 วัน อยู่2 วัน ส่งซ่อมครั้ง2 TT^TT อยู่ได้อีกราว2-3วัน ส่งซ่อมอีก )
    บอกได้คำเดียวว่าเจ๊งสนิทค่ะ ทำอะไรไม่ได้เลย wifi ไม่ได้ ต่อ lanไม่ได้ ตอนนี้เอาไว้ทับกระดาษค่ะ

    • นายกาฝาก
      กันยายน 14, 2010 เวลา 15:01

      ไปลองจนเจ๊งก่อนถึงได้อ่านบทความนี้
      หรืออ่านบทความนี้ก่อนถึงได้ไปลองจนเจ๊งอ่ะครับ

      ถ้าเป็นอย่างแรก แนะนำว่าต่อไปต้องแวะเข้ามาอ่านบล็อกนี้บ่อยๆ ครับ 🙂

  7. ตุลาคม 2, 2010 เวลา 04:59

    ขอบคุณมากครับคุณกาฝาก สำหรับบทความดีๆ ผมเองก็เพิ่งจะไปซื้อ iPed มาลองเล่นดูเหมือนกันครับ เลยมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟัง

    สำหรับ Spec เครื่อง iPed ตัวที่ผมซื้อมานี้ เป็น ROM 2GB, RAM 128MB, Wifi, GPS, หน้าจอขนาด 7″

    รายละเอียดดูได้จาก link นี้นะครับ http://jakkrith.com เนื่องจาก Spec มันยาว เลยไม่อยากเอามาใส่ให้เปลืองพื้นที่ครับ 🙂

    เท่าที่ทดลองใช้มา 2 วัน พบว่าก็เป็นที่น่าพอใจ เหมาะสมกับราคาเครื่องจีนครับ ราคาในเว็บจีน ระบุไว้ประมาณ 3,9xxx แต่ผมซื้อมาได้ในราคา 4,000 บาท ถ้วน (คนขายจะเอา 4,500 แต่ผมหักคอลดได้อีก 500 บาท)

    – มีหน้า Home Screen มา 3 หน้า สามารถ Add เพิ่มได้ เปลี่ยน Wallpaper ได้
    – ปัญหาเรื่องที่ชาร์ต Battery ไม่มีปัญหาครับ เสียบแน่น ไม่มีหลวมหรือหลุด
    – ต่อเน็นท่องเว็บภาษาอังกฤษได้ดีไม่มีปัญหา (ภาษาไทยไม่ต้องพูดถึง)
    – ฟังเพลง mp3 ไม่มีกระตุก แต่ ถ้าเป็นพวกคลิป VDO นี่ดูแทบไม่ได้เลยครับ
    – สามารถเข้า AppStore ดาวน์โหลด App ต่างๆ มาติดตั้งเพิ่มเติมได้ ครับ ตัวไหนติดตั้งแล้วไม่ชอบก็ Uninstall ออกได้ เช่นกัน
    – GPS ที่ติดมา เวลาเปิด App บางตัวมันจะแจ้งขออนุญาตใช้ Location เหมือน iPhone เลยครับ อย่างเช่น ถ้าเปิด Browser เข้าหน้า Google มันจะบอกตำแหน่งปัจจุบัน ที่เราอยู่ได้เลย (บอก ชื่ออำเภอ จังหวัด และ ประเทศ)

    ช่วง 2 วันแรกที่ลองเล่น ก็ยังไม่พบปัญหาอะไรครับ แต่พอมาวันนี้ ผมดันไปเปิด App Gmail เลยทำให้เครื่อง Reboot ตัวเองไม่หยุด แต่โชคดีมากๆ ที่มาเจอกระทู้นี้ ทำให้ทราบว่าปัญหาเกิดจาก มันพยายาม Sync Email กับ Gmail ซึ่งผมมีอยู่ประมาณ 7 พันกว่าอีเมล์ เลยต้องปิด Router Wifi ก่อน แล้วจึงจะสามารถเข้าไปปิด Wifi ใน iPed อาการ Reboot ตัวเองจึงหายไป แต่ หากเปิด Wifi เมื่อไหร่ มันก็จะ Reboot ตัวเองอีกครั้ง งานเข้าเลยคราวนี้ 😦

    อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าสำหรับเจ้า iPed นี้หากคิดจะซื้อมาลองใช้เล่นๆ ก็ไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้าหากคิดจะซื้อมาใช้งานจริงๆ จังๆ คงต้องบอกว่า อย่าไปหวังครับ 🙂

    เอาไว้รอให้ iPad มาขายอย่างเป็นทางการในเมืองไทยก่อน ผมก็ตั้งใจว่าจะไปซื้อมาใช้แน่นอนครับ

    @jakkrith

    • นายกาฝาก
      ตุลาคม 2, 2010 เวลา 09:48

      ขอบคุณสำหรับการแชร์ประสบการณ์ครับ 🙂
      และดีใจที่บล็อกรีวิวของผมเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหา 555
      นี่แสดงให้เห็นว่า iPed ทุกรุ่นมีปัญหาในการ sync mail เหมือนกันหมดเลย แต่คุณภาพของงานไม่สม่ำเสมอ โดยดูได้จากการที่คุณสามารถเสียบสายชาร์จได้แน่นดี ไม่มีปัญหา

  8. ตุลาคม 2, 2010 เวลา 13:49

    ปัญหาเรื่องการ Sync mail ทุกครั้งที่เปิด Wifi ตอนนี้ ผมแก้ไขได้แล้วนะครับ โดยการเข้าไปลบข้อมูล login ของ Gmail ออกจากเครื่อง เลยขออนุญาตนำ link มาใส่ไว้ที่นี่ด้วย เผื่อวันหน้า หากใครมีปัญหา แบบผมจะได้ แก้ไขได้ครับ – ขอบคุณครับ 🙂

    How to Log Out Of Google in Android – Make Tech Easier shar.es/0jWoI #GoodTips for my iPed 😀

  9. ตุลาคม 2, 2010 เวลา 13:51

    อ้าว Link ไม่แสดง ขออนุญาต Post ใหม่อีกครั้งนะครับ

    http://maketecheasier.com/log-out-of-google-in-android/2010/01/29

  10. yugi5002
    มกราคม 26, 2011 เวลา 12:01

    อัพเดตเรื่องการซื้อขายเจ้าเครื่องนี้เมื่อตอนปีใหม่ไปดูแถวๆ พันธ์ทิพย์ ประตูน้ำปรากฏว่าราคา 7990 บาท ดูแล้วเหมือนมาก 0.0

  11. su
    กุมภาพันธ์ 4, 2011 เวลา 15:23

    ของผมเหมือนกันเดินทางจากภาคใต้ไปซื้อแถวๆคลองถม ไม่เห็นนมี เลยถามคนขายมือถือดู เขาบอกว่ามีเดียวเขาไปเอามาให้ เลือกก้อไม่ได้(เขาเอาจากร้านอื่นมาขายเรามั่ง)จะเอารุ่นดีๆก้อไม่มี มีอันเดียว คือ iped android 1.9 ราคา 4200 บาท ลงไทยแล้ว แต่มีปัญหาใช้งานyoutobeไม่ได้ใช้ซิ้มเบี้ยนของโนเกียยังดีกว่า แบตใช้ได้ไม่ถึงชั่วโมง(ส่วนนี้เบื้อมากๆ) แต่ถ้าไปซื้อipedแถวโรงเกลือเขาบอกราคา2800บาท แต่อยากจะให้ซื้อของ Huawei Ideos Tablet S7 เปลี่ยนแบตได้ ราคาไม่แพง8000กว่าเอง และใช้เป็นโทรศัพท์ได้ด้วย ถ้าใครหาซื้อได้บอกเราด้วยนะ (Huawei Ideos Tablet S7) ที่ suchatbakery@hotmail.com จักขอบพระคุณอย่างยิ่ง

  12. NUTO
    มีนาคม 9, 2011 เวลา 13:42

    มีแล้วเพื่อนหิ้วมาให้ปัญหาอย่างที่ว่าแหละ เซม ๆ ใช้ไม่ค่อยเป็นอ่ะ

  13. พิชา
    เมษายน 30, 2011 เวลา 16:54

    เปิดเครื่องไม่ได้เจอแต่ตัวเขียวๆ วิ่งอยู่นานมากแล้วทำไงดีค่ะของเพื่อนซะด้วย

    • นายกาฝาก
      เมษายน 30, 2011 เวลา 21:25

      ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ กรณีนี้ แต่ต้องขอถามก่อนว่า ก่อนหน้าที่จะเจอแต่หุ่นเขียว ไปทำอะไรมาก่อนครับ

  14. Cee
    มิถุนายน 30, 2011 เวลา 11:11

    สินค้าจีนก็อย่างนี้แหล่ะครับ
    เคยเจอตอนซื้อ MP4 ตอนนั้นบอก mem 4 Gb โอ้โห เมืองไทยยังสูงสุดแค่ 1 Gb เอง แถมราคาก็ถูก ไม่ถึงพันบาท
    พอซื้อกลับมา เล่นเพลงได้แค่ 10 เพลง ก็ reboot ตลอด
    ตอนหลัง format หรืออัพ firmware ไม่แน่ใจ ก็เจอว่า mem จริงๆ มันแค่ 48 Mb
    แต่มันหลอกให้เราเห็นถึง 4 Gb แต่ใช้จริงได้แค่ไม่กี่ Mb
    ตั้งแต่นั้น เข็ดสินค้าจีนเลย

  15. Ressung
    กันยายน 13, 2011 เวลา 19:29

    ผมซื้อมา 2550บาท น่าจะเป็นรุ่นใหม่กว่าละครับ เพราะ ใช้ภาษาไทยได้แล้ว เข้าไปโหลดแอ๊บ ในแอนดรอยมาเก็ตก็ได้ด้วยไม่มีปัญหา ^^
    กำลังหาวิธีใช้กล่องทรานเฟอ บล๊อคมันอยู่ครับ 555

    • นายกาฝาก
      กันยายน 13, 2011 เวลา 21:00

      ผมรีวิวเมื่อนานมากๆ มาแล้ว … ตอนนี้สเปกคงดีขึ้นเยอะ

  16. pes
    ตุลาคม 8, 2011 เวลา 17:03

    @Ressung ชื้อมาจากไหนกันอ่ะคับ จะไปลองซื้อมาเล่นบ้าง

  1. กรกฎาคม 17, 2010 เวลา 13:57
  2. กรกฎาคม 21, 2010 เวลา 10:16
  3. พฤศจิกายน 6, 2010 เวลา 22:56
  4. กันยายน 25, 2011 เวลา 11:39

ใส่ความเห็น