หน้าแรก > รีวิว Gadget, เขียนตามกระแส > รีวิว iPhone 4 ภาค อะไรที่เหนือชั้นกว่า iPhone 3Gs (ตอนแรก)

รีวิว iPhone 4 ภาค อะไรที่เหนือชั้นกว่า iPhone 3Gs (ตอนแรก)

ต้องขออภัยเหล่าผู้อ่านที่ตั้งหน้าตั้งตารออ่านรีวิว iPhone 4 ของผมจริงๆ ด้วยเหตุจำเป็นหลายๆ อย่าง ทำให้ 3-4 วันที่ผ่านมา ผมไม่สามารถจัดเวลามาเขียนรีวิว iPhone 4 ได้เลย … แต่ผมก็มาแล้วครับ พร้อมกับรีวิวที่อาจช่วยให้หลายๆ คนตัด(สิน)ใจเลือกได้ซะที ว่าระหว่าง iPhone 3Gs ขนาด 8GB ที่ราคาต่ำกว่า 2 หมื่นบาท กับ iPhone 4 ขนาด 16GB ที่รวม VAT แล้วตกราวๆ 23,xxx ควรซื้อตัวไหนดี

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า สิ่งที่ iPhone 4 มีดีเหนือกว่า iPhone 3Gs หลักๆ เลยก็คือ

  • CPU ที่แรงกว่า และ RAM ที่มากกว่า
  • จอ Retina Display ที่ความละเอียดสูงกว่า
  • กล้องดิจิตอล 5 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ใหญ่กว่า มีกล้องหน้าด้วย และมีโหมด HDR
  • มี FaceTime
  • มี Gyroscope

เรื่องของ CPU และ RAM ที่มากกว่า คงไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ 4 เรื่องหลังนี่ มีอะไรให้หยิบยกมาคุยกันครับ

จอ Retina Display

ถือเป็นจุดเด่นที่ Apple พยายามเอามาเกทับคู่แข่งกันเต็มๆ เลย ด้วยความละเอียดของจอที่สูงถึง 960 x 680 พิกเซล ในขณะที่คู่แข่งอย่างเก่ง ณ ตอนนี้ก็อยู่ที่ 800 x 480 พิกเซลเท่านั้น เรียกได้ว่าชนะเลิสเลยทีเดียว ยิ่งหากคุณไปเทียบกับ iPhone 3Gs แล้วด้วยละก็ จะเห็นซึ้งถึงความแตกต่างเลยครับ

ด้วยความละเอียดที่สูงขนาดนี้ จึงทำให้แม้ว่าเราจะเปิดเว็บ หรือเอกสารใดๆ ก็ตาม ด้วยการซูมภาพออกไปจนสุด เหลือตัวอักษรตัวกระจิ๋วเดียว เราก็ยังสามารถพออ่านออกได้สบายๆ ผิดกับ iPhone 3Gs ที่อ่านกันไม่ออกเลยทีเดียว

บล็อกนายกาฝาก ดูด้วย iPhone 3Gs บล็อกนายกาฝาก ดูด้วย iPhone 4

แต่นี่ก็ไม่ใช่ประโยชน์สำหรับคนส่วนใหญ่หรอกนะครับ เพราะว่าคงหายากที่จะมีใครมาทนปวดตานั่งอ่านตัวอักษรเล็กๆ ขนาดนี้ (แม้ว่าสำหรับอีกหลายๆ คน รวมทั้งผม จะได้ประโยชน์จากตรงจุดนี้ เพราะพรีวิวเว็บอ่านได้ไวดี แบบอ่านผ่านๆ อ่ะ)

โดยส่วนตัวแล้ว ผมว่าคนได้ประโยชน์จาก Retina Display อย่างชัดเจนก็อีตอนเล่นเกม หรือ App นั่นแหละครับ แต่ก็เฉพาะกับเกม หรือ App ที่ได้มีการทำออกมาเพื่อรองรับ Retina Display แล้วนะครับ หากนำมาเทียบกันดูกับ iPhone 3Gs จะเห็นชัดเจนเลยว่า กราฟิกมันแตกต่างกันจริงๆ

ผมมีภาพมาฝาก จากเกม Asphalt Elite Racing 5 และ N.O.V.A. ซึ่งสองเกมนี้ ทำออกมารองรับจอ Retina Display ครับ (ผมปรับขนาดของรูปที่ Capture จากจอ Retina Display ให้เหลือ 320 x 480 พิกเซล เพื่อความเหมาะสมในการเปรียบเทียบ)

retina_display1

retina_display2

ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่า รอยหยักของภาพบน iPhone 4 นั้นจะน้อยกว่าของ iPhone 3Gs เยอะมาก เรียกว่าเนียนๆ เลยก็ว่าได้ครับ

กล้อง 5 ล้านพิกเซล พร้อม HDR Photography

จริงๆ แล้ว ลำพังเพียงแค่กล้องขนาด 5 ล้านพิกเซลเนี่ย ก็เรียกได้ว่าสุดยอดแล้วละครับ ถ่ายภาพนี่แบบว่าชัดกริ๊กเลย กล้อง iPhone 3Gs ที่ผมเคยคิดว่า มันก็เพียงพอสำหรับการเดินทางไปโน่นนี่ และถ่ายภาพไว้ทวีต หรือเขียนบล็อก กลายเป็นว่าดูคุณภาพต่ำไปเลยทีเดียว

ภาพถ่ายด้วย iPhone 3Gs ภาพถ่ายด้วย iPhone 4

ความแตกต่างนี้ยิ่งเห็นชัด เวลาที่ถ่ายภาพในที่ที่แสงสว่างน้อยๆ ครับ เพราะว่าเซ็นเซอร์กล้องของ iPhone 4 ใหญ่กว่า iPhone 3 Gs อย่างชัดเจน และแม้ว่าจะเทียบกับโทรศัพท์มือถือที่มีกล้อง 5 ล้านพิกเซลด้วยกันแล้ว ก็ต้องบอกว่า เซ็นเซอร์ของ iPhone 4 ใหญ่กว่ามาก (ใหญ่กว่าย่อมดีกว่า เพราะสามารถจับข้อมูลภาพได้มากกว่า ในการถ่ายภาพครั้งเดียว)

และมันก็ไม่จบเท่านั้นน่ะสิครับ หากคุณอัพเกรด iPhone 4 ของคุณไปเป็น iOS4.1 (ซึ่งเป็น OS ที่มาพร้อมกับ iPhone 4 ล็อตที่ Operator ทั้ง 3 ค่ายเอามาขายในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ) คุณจะได้ใช้คุณสมบัติที่เรียกว่า HDR (High Dynamic Range) ด้วย … รายละเอียดว่า ทำไม HDR Photography ถึงได้แจ่ม ผมไม่ขอเขียนถึง เพราะ @kktp เขาเขียนไว้ได้ดีอยู่แล้วที่บล็อกของเขาครับ ก็วานไปอ่านกันดู

เวลาถ่ายภาพด้วย Camera App ของ iPhone 4 มันก็จะมีให้เราเลือกว่าจะเปิดหรือปิด HDR อยู่ด้านบน

HDR_on_off

แต่สำหรับคนที่ไม่อยากไปยุ่งยากกับการอ่านมาก ก็ลองดูรูปตัวอย่างที่ผมจะนำเสนอต่อไปนี้ดู

HRD_review1

HRD_review2

สังเกตดีๆ จะเห็นว่า ภาพที่ไม่ใช้ HDR นั้น ตรงจุดที่สว่างมันจะสว่างเวอร์มาก จนทำให้รายละเอียดอย่างเช่น เมฆบนท้องฟ้า หรือลายบนพื้นถนนหายไป เพราะมันกลายเป็นสีขาวไปซะหมด แต่เมื่อเปิด HDR แล้ว ก็จะทำให้ภาพมีรายละเอียดที่ดีขึ้นได้ เห็นเมฆ และลายบนพื้นถนน

อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ว่าการถ่ายภาพด้วย HDR จะดีไปซะหมดนะครับ ไม่ใช่ทุกสถานการณ์จะเหมาะแก่การใช้ HDR ตลอด … มีหลายสถานการณ์ที่เมื่อถ่ายภาพด้วย HDR แล้ว มันทำให้ภาพที่ได้ออกมานั้นแย่กว่าการถ่ายแบบปกติด้วย หรือไม่แตกต่างจากปกติเลย (เช่น สภาพแวดล้อมที่ไม่มีแสงสว่างจ้า ทำให้ระดับความแตกต่างของความเข้มของแสงในภาพไม่แตกต่างกันมากนัก HDR ก็จะไร้ประโยชน์)

คำแนะนำของผมคือ การกำหนดให้ iPhone 4 นั้นถ่ายภาพและบันทึกภาพทั้งแบบที่เปิด HDR และ ไม่เปิด HDR เลย แล้วค่อยมาเลือกภาพที่เราว่าดีที่สุดภายหลัง (ไม่ต้องกลัวพื้นที่เต็มมากหรอกครับ ไฟล์ภาพมีขนาดแค่ไม่กี่เมกะไบต์เท่านั้น ในขณะที่โทรศัพท์มือพื้นที่ตั้ง 16GB เก็บภาพได้เป็นพันละครับ)

วิธีการเซ็ตก็คือไปที่ Settings –> Photos แล้วไปเลือก Keep Normal Photo ให้เป็น ON ดังภาพครับ

HDR_setting

ตอนหน้าเราจะมาพูดถึง FaceTime และ Gyroscope กันครับ

Share

หมวดหมู่:รีวิว Gadget, เขียนตามกระแส ป้ายกำกับ:, , ,
  1. piero
    กันยายน 30, 2010 เวลา 13:23

    งั้นสอบถามหน่อยครับ
    1.เรื่องระบบ gps แบบว่าถ้าจะใช้ระบบนำทางผ่านโปรแกรมแบบ off line ไม่ได้น่ะสิครับ เพราะ
    i4 มีแต่ Build-In A-GPS navigation แต่ 3gs มีทั้ง Build-In GPS/A-GPS navigation เช่นโปรแกรม igo 2009/ tom tom thailand สามารถใช้นำทางแบบ off line โดยไม่ต้องผ่าน E/3G/wifi งั้นในเรื่องนี้ i4 ต้อง on line ตลอดใช่มะครับ
    2.เรื่องสัญญาณ ture นี่ไม่เหมาะกับการใช้ในต่างจังหวัดใช่มะคับ เห็นลูกพี่เคยพูดถึงในบทความก่อนๆ ว่าบางทีมีแต่ gprs ด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับเจ้าอื่นเป็น E ในหลายพื้นที่ ถามคำถามนี้เพราะว่าผมมี Lifestye ไปต่างจังหวัดบ้าง แต่ที่ลังเลตอนนี้ก็เพราะ true มี 3g/wifi แต่ก็มีเฉพาะในกรุงเทพและหัวเมืองใหญ่เท่านั้น อันนี้หวังว่าเจ้าอื่นจะมีการวางระบบ wifi ด้วยนะครับ ไม่งั้นใช้ i4 ไม่คุ้มแน่ เพราะ facetime
    คำถามมีแค่นี้ครับขอบคุณครับ

    • นายกาฝาก
      กันยายน 30, 2010 เวลา 13:35

      1. สำหรับ iPhone 4 ถ้าเกิดผมปิดฟังก์ชั่น Cellular Data หรือ เข้าสู่ Air Plane Mode ปุ๊บ GPS ใช้ไม่ได้เลยครับ 🙂 น่าจะจบข่าวนะครับ

      2. สัญญาณ true move นี่ ไม่เหมาะกับคนที่อยู่ต่างจังหวัด หรือคนที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อยๆ ครับ ล่าสุด มีการอัพเดตข้อมูลเรื่อง terms & conditions ใหม่มา พบว่าีมีการหมกเม็ดน่าเกลียดมากอยู่ … (อ่านรายละเอียดจาก https://kafaak.wordpress.com/2010/09/24/iphone4-data-plan-analysis/ นะครับ)

      กรณีของ FaceTime นั้น หากคุณมี 3G WiFi Router (Router ที่ใส่ซิม 3G ได้) ก็สามารถแชร์เน็ต 3G เป็น WiFi ให้ iPhone 4 เล่น FaceTime ไ้ด้ครับ ผมเคยลองๆ ดูพบว่า ใช้ปริมาณข้อมูลราวๆ นาทีละ 4MB … คิดถึงปริมาณการใช้งานแล้วกันนะครับ

      • wisit
        กันยายน 30, 2010 เวลา 21:03

        ช่วยอธิบายแบบชัดๆอีกนิดครับสำหรับคำตอบข้อ 1…งง ไม่เคยใช้ไอโฟนอ่ะ

      • นายกาฝาก
        กันยายน 30, 2010 เวลา 21:47

        เอาง่ายๆ ก็คือ ถ้าปิดไม่ใช้โทรศัพท์เลย คือ ไม่ปล่อยให้มีการส่งผ่านข้อมูลผ่าน Mobile Internet (หรือตรงนี้เขาเรียก Cellular Data) หรือ เปิดเข้าสู่โหมดอยู่บนเครื่องบิน (จำได้ไหม ปกติอยู่บนเครื่องปิดต้องปิดมือถือ) ก็เท่ากับว่า GPS ใช้การไม่ได้ เพราะ iPhone 4 พยายามจะติดต่อกับสถานีฐานของโทรศัพท์มือถือในการระบุพิกัดครับ

  2. กันยายน 30, 2010 เวลา 14:10

    เอ่อ.. คือรูปเปรียบเทียบมันเล็กไปจนดูไม่ออกน่ะครับ

    • นายกาฝาก
      กันยายน 30, 2010 เวลา 14:11

      คลิกเพื่อดูรูปเต็มหรือยัง -_-”

  3. ตุลาคม 3, 2010 เวลา 13:52

    ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ (:

  4. kk
    ตุลาคม 4, 2010 เวลา 01:16

    iphone4 หนากว่า iphone3gs รึเปล่าครับ หนามากกว่ามากไหม?

  5. ตุลาคม 4, 2010 เวลา 10:21

    เออเนอะ ยังง่ะครับ 55

  6. ตุลาคม 7, 2010 เวลา 19:48

    ถึงคุณ kk :
    iPhone 4 หนา: 0.37 นิ้ว (9.3 มม.)
    iPhone 3GS หนา: 0.48 นิ้ว (12.3 มม.)

    หรือ ต้องการรายละเอียดส่วนอื่นเพิ่มเติมได้ที่
    http://thaiwinadmin.blogspot.com/2010/06/compare-iphone-4-and-iphone-3gs.html

  7. kamol
    ตุลาคม 11, 2010 เวลา 14:06

    เนื่องจากจอของ Iphone 4 มีความละเอียดสูงขึ้นมาก จะมีผลต่อ Game App เก่า ๆ ที่เขียนมา Support กับ resolution ของ Iphone 3GS หรือเปล่าครับ อย่างเช่น เกมไม่เต็มจอน่ะครับ

    • นายกาฝาก
      ตุลาคม 11, 2010 เวลา 14:09

      ไม่มีผลครับ
      แต่หากคุณเทียบการแสดงผลของ iPhone 3Gs กะ iPhone 4 จะพบว่า iPhone 4 แจ่มแหล่มเป็ดกว่าเยอะ เพราะรอยหยักของกราฟิกน้อยมาก (เนื่องจากใช้ความละเอียด 960×640 มาอัดลงจอ 3.5″)

  8. บิว
    กุมภาพันธ์ 5, 2011 เวลา 23:35

    พี่คับ ผมขอถามซักนิด

    เวลาเราซื้อไอโฟนที่ต่างประเทศ เราจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นเครื่อง office unlock

    หรือ ว่ามีเพียงแค่บางประเทศครับ คือผมจะฝากเพื่อนของน้องหิ้วไอ4มาจาก อเมริกา

    ที่นั่นจะมี office unlock มั๊ยคับ แล้วราคาของ office unlock กับ lock ต่างกันมั๊ย

    ผมเปิดดูราคาในเวป ราคาอยู่ที่ 299 US ในเวปบอกว่าประมาณ 7000 บาท

    แต่วันนี้ ผมได้ลองถามเพื่อนที่เคยหิ้วเข้ามา เค้าบอกว่าซื้อมา 17000 บาท

    ผมก้เลยงง ว่าตกลง มันราคาไหน กันแน่

    แล้วพี่ได้ข่าวไอ5 บ้างมั๊ยคับ จะออกมาจิงมั๊ย แล้วออกช่วงไหนอ่ะคับ พอทราบมั๊ยคับ

    รบกวนพี่ช่วยตอบหน่อยนะคับ ผมมือใหม่จิงๆคับ

  1. กันยายน 30, 2010 เวลา 08:01

ส่งความเห็นที่ บิว ยกเลิกการตอบ